พินอินนั้น สำคัญไฉน
มีหลายคนถามเข้ามาว่า ทำไม๊ ทำไมถึงต้องเรียนพินอิน มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ ขอบอกเลยค่ะว่า "มันสำคัญมาก" ขอเน้นว่า "มาก" แต่คนจีนรุ่นก่อนเขาไม่รู้จักพินอินกันหรอกนะ อ้าว!? ในเมื่อคนจีนยังไม่รู้จัก แล้วเราจะเรียนไปทำไม
เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งโยนหนังสือพินอินทิ้ง เรามาทำความรู้จักพินอินกันก่อนดีกว่า
พินอิน หรือ 汉语拼音 Hànyǔ Pīnyīn เป็นระบบที่คิดขึ้นมาเพื่อใช้ถอดเสียงภาษาจีน โดยยืมตัวอักษรโรมัน (อังกฤษ) มาใช้สะกด แต่การออกเสียงแตกต่างกัน ระบบนี้ถูกคิดค้นมาเพื่อให้คนต่างชาติอย่างเราเรียน คนจีนมีภาษาจีนเป็นภาษาแม่อยู่แล้ว จึงไม่ต้องเรียนพินอิน (แต่ในปัจจุบัน เด็กจีนรุ่นใหม่ก็ได้เรียนพินอินกันหมดแล้วนะ)
อย่างคำว่า Nanyang ถ้าเราไม่เคยเรียนพินอิน ก็จะอ่านคำนี้ว่า "นันยาง" พูดไปคนจีนคงงง เพราะคำนี้ต้องอ่านว่า "หนันหยาง" เป็นชื่อเมืองหนึ่งของจีนค่ะ อีกอย่างพินอินไม่ได้มีแค่แค่อักษรโรมันอย่างเดียว แต่ยังมีเสียงวรรณยุกต์ด้วย ซึ่งคำนี้เขียนเป็นพินอินที่ถูกต้องก็คือ Nányáng ค่ะ
ภาษาจีนมีวรรณยุกต์ 4 เสียง ส่วนในภาษาไทยมี 5 เสียง ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่มักจะพูดภาษาจีนไม่เพี้ยนกัน (จริงมั้ยน๊า)
แต่เสียงที่คนไทยมักมีปัญหา ออกเสียงไม่ชัดเจน ก็คือเสียงพวกห่อลิ้น งอลิ้น เสียงที่ต้องใช้ลมระหว่างซี่ฟัน เช่น j q x z c s zh ch sh r เสียงเหล่านี้ใช้ จ ช ฉ และควบกล้ำด้วย "ยร" ซึ่งในภาษาไทยไม่มีคำเหล่านี้ เขียนสะกดก็ไม่ได้ จะถอดเป็นคาราโอเกะก็งงๆ จึงทำให้การออกเสียงยากนิดหน่อยค่ะ
นอกนั้นพยัญชนะและสระอื่นๆ คนไทยออกเสียงได้ชัดเจนหมด ถือว่าได้เปรียบคนเกาหลีกับญี่ปุ่นม๊ากกก
และที่สำคัญที่สุดก็คือ ออกเสียงผิด ความหมายเปลี่ยน มาดูตัวอย่างกันค่ะ
mā อ่านว่า "มา" แปลว่า แม่
mǎ อ่านว่า "หม่า" แปลว่า ม้า
อ่านถึงตรงนี้ เริ่มมึนกันหรือยังเอ่ย
พินอินเป็นก้าวแรกของการเรียนภาษาจีน เพราะถ้าเราอ่านพินอินได้ สะกดเป็น ออกเสียงแม่นยำ สิ่งนี้จะเป็นพื้นฐานให้เราต่อยอดการเรียนภาษาจีนด้วยตนเอง (Life-long Learning) ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นการได้เรียนพินอินอย่างถูกวิธี รู้กฎการออกเสียง ข้อยกเว้นต่างๆ ที่ถูกต้องตรงตามหลัก จึงเป็นสิ่งสำคัญมากอย่างยิ่งเลยค่ะ
สมัครเรียน
Add Line ID: laoshi_june