5 คำกับ 5 ความหมายแฝง
ในทุกภาษาและทุกวัฒนธรรม คำที่มีความหมายพื้นๆ บางคำก็อาจมีความหมายด้านลบแฝงอยู่ จะมีก็แต่เจ้าของภาษาเท่านั้นที่รู้ว่าคำๆ นั้นมีความหมายแฝง และภาษาจีนก็เช่นกัน
คำภาษาจีนต่อไปนี้ ล้วนเป็นคำธรรมดาสามัญ ที่พวกเราใช้กันอยู่ทุกวัน แต่รู้หรือไม่ว่า คำเหล่านี้มีความหมายด้านลบแฝงอยู่ บางคำก็ใช้กันมานาน และมีแปลอยู่ในดิกชันนารี แต่บางคำนี่สิ มีแต่คนจีนเท่านั้นที่รู้ ไม่มีระบุในดิกชันนารีด้วย ดังนั้นเราต้องจดจำ และระมัดระวังเวลาใช้กันด้วยล่ะ
1. 带绿帽子 dài lǜ màozi (สวมหมวกสีเขียว)
ตอนไปเที่ยวประเทศจีน เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าทำไมคนจีนถึงไม่สวมหมวกสีเขียว เอาเป็นว่า ถึงจะสงสัยแค่ไหน ก็อย่าได้เอ่ยปากถามคนจีนแล้วกันว่าทำไมถึงไม่ “สวมหมวกสีเขียว” ก็เพราะในวัฒนธรรมจีน สวมหมวกสีเขียวมีความหมายแง่ลบว่า คนผู้นั้นถูกสวมเขา!!
ที่มาของคำเริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง (MIng Dynasty) ฮ่องเต้จูหยวนจาง (Zhu Yuanzhang) ได้ออกกฎหมายให้ชายที่ทำงานในหอนางโลมทุกคนสวมหมวกสีเขียว หลังจากนั้นคำนี้ก็ถูกนำมาใช้พูดถึงผู้ชายที่ถูกภรรยาสวมเขา ซึ่งก็คือถูกภรรยาสวมหมวกสีเขียวให้นั่นเอง อย่าลืมนะ ไม่เอาหมวกสีเขียว…
2. 吃软饭 chī ruǎn fàn (กินข้าวนิ่ม)
เครดิตรูป : qianzhan.com
ไม่มีใครชอบกินข้าวแข็งเพราะมันไม่สุก แต่ถ้าเราเป็นผู้ชาย ห้ามพูดว่า “ชอบกินข้าวนิ่ม” เป็นอันขาด เพราะมันมีความหมายแฝงในแง่ลบว่า “ชอบเกาะผู้หญิงกิน” น่ะสิ ในทุกๆ วัฒนธรรม ผู้ชายควรเป็นผู้นำครอบครัว แต่ถ้าบ้านไหน ผู้หญิงเป็นผู้นำ ก็บอกได้เลยว่าชายคนนั้น “ชอบกินข้าวนิ่ม” ใช้ได้กับทุกรุ่น ทุกความสัมพันธ์ เป็นแค่แฟนกันก็ใช้ได้ แน่นอนว่าคำนี้ถือเป็นการดูถูกกันอย่างใหญ่หลวงเลยล่ะ
3. 小姐 xiǎojiě (คุณผู้หญิง)
อะไรหว่า เรียกผู้หญิงคนนึงว่า “คุณผู้หญิง” มันไม่ดีตรงไหน..
ปกติแล้วถ้าเรียกผู้หญิงคนนึงด้วยคำนี้แต่มีชื่อสกุลนำหน้า เช่น 刘小姐 Liú xiǎojiě แบบนี้ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าดันไปเรียกผู้หญิงคนนึงที่ไม่รู้จักว่า 小姐 ล่ะก็ เธอคนนั้นคงโกรธเราไม่น้อย เพราะความหมายแฝงของคำนี้ หมายถึงหญิงที่ทำงาน “เป็นโสเภณี”
อ้าว! แล้วเวลาไปร้านอาหาร เราจะเรียกพนักงานเสิร์ฟว่ายังไงดีล่ะ เอาแบบปลอดภัยไว้ก่อนเลยนะ เรียกว่า 服务员 fúwùyuán เลยดีกว่า
สิ่งที่เราควรรู้อีกอย่างก็คือ ทางตอนเหนือของจีน แถวๆ ปักกิ่งหรือฮาร์บิน สาวๆ จะซีเรียสมากถ้าถูกเรียกว่า 小姐 แต่ถ้าค่อนมาทางใต้ อย่างเซี่ยงไฮ้หรือกวางเจา พวกเธอรู้ว่าคำนี้มีความหมายแฝงว่าอะไร แต่ถ้าบังเอิญถูกชาวต่างชาติเรียกเช่นนั้น ก็ไม่ซีเรียสนัก ทางที่ดีเลี่ยงคำนี้ดีกว่า
4. 飞机场 fēijī chǎng (สนามบิน)
อะไร ยังไง!? สนามบินมันทำไมหรอ
คำนี้เพิ่งจะถูกบัญญัติความหมายแฝงได้ไม่นาน อาจจะสัก 15-20 ปีนี้เอง หลังจากที่จีนเริ่มเปิดประเทศในปี 1978 และคนจีนได้เข้าไปอยู่ในภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดมากขึ้น ก็มีชายจีนคนหนึ่ง (ซึ่งไม่รู้ว่าใคร) กล่าวว่า “เทียบกับสาวตะวันตกแล้ว ผู้หญิงจีนเนี่ย หน้าอกแบนยังกับสนามบิน”
เครดิตรูป : citruslove.deviantart.com/
ต่อไปนี้ถ้าเราได้ยินคนจีนพูดว่า “ยัยคนนั้นสนามบินชัดๆ” ก็คงไม่งงกันแล้วสินะ
5. 恐龙和青蛙 kǒnglóng hé qīngwā (ไดโนเสาร์และกบ)
คำนี้เริ่มมีความหมายแฝงแง่ลบในยุคที่โซเชียลเน็ทเวิร์คมาแรง วัยรุ่นชอบหาเพื่อนผ่านอินเทอร์เน็ต บางคนก็เป็นเพื่อนกันแค่ในโลกออนไลน์ แต่บางคนก็หักห้ามใจไม่ได้จนต้องมาเจอกันใน “โลกแห่งความจริง” การที่คนเราอยากมาเจอกัน ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นั่นแปลว่า ต่างฝ่ายคงคิดว่าอีกฝ่ายน่าดึงดูดไม่น้อย แต่บางครั้งจินตนาการก็ต่างจากความจริงไม่น้อยเช่นกัน
ชายคนหนึ่งจินตนาการผ่านจอว่าหญิงคนที่คุยด้วยต้องสวยมาก แต่พอมาเจอกัน ต่างฝ่ายต่างช็อคกับความจริง จนพูดได้ว่า “ช็อคเหมือนเจอไดโนเสาร์”
ดังนั้นความหมายแฝงของ “ไดโนเสาร์” ก็คือ “หญิงอัปลักษณ์ที่เจอทางอินเทอร์เน็ต” และ “กบ” ก็คือ “ชายอัปลักษณ์ที่เจอทางอินเทอร์เน็ต” นั่นเอง
ยกตัวอย่างแค่ 5 คำ ก็ทำให้เรารู้แล้วว่าเวลาเรียนภาษาใหม่ๆ ไม่ควรท่องแค่คำศัพท์กับแกรมม่า เพราะทุกภาษาล้วนมีคำที่มีความหมายแฝง เรียนรู้รอบด้าน นำมาใช้ จะได้ไม่ใช้ผิดกันเนอะ